A randomized controlled trial of using an intermediate bonding layer on the retention of sealants placed on pit and fissures enamel caries

Abstract

รายงานการวิจัย เรื่องการวิจัยทางคลินิกแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมด้วยการใช้สารยึดติดทางทันตกรรมต่อการยึดติดของการเคลือบรอยผุผิวเคลือบฟันบริเวณหลุมร่องฟัน เป็นวิจัยพัฒนาเชิงทดลองที่มุ่งศึกษาว่า การใช้สารยึดติดทางทันตกรรมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดติดของวัสดุเคลือบหลุมร่องฟันบนรอยผุผิวเคลือบฟันบริเวณหลุมร่องฟันหรือไม่โดยเป็นการทดลองในเด็กจำนวน 40 คน อายุเฉลี่ย 11 ปี 3 เดือน ซึ่งมีคู่ฟันกรามแท้ที่มีรอยผุผิวเคลือบฟันบริเวณหลุมร่องฟันในระดับ ICDAS และตำแหน่งเดียวกัน ทันตแพทย์ผู้ประสบการณ์ 1 คน ทำการเคลือบรอยผุบริเวณหลุมร่องฟันด้วยวัสดุเคลือบหลุมร่องฟันชนิดเรซิน (3M ESPEClinproTM) ในฟันกรามแท้ 96 ซี่โดยใช้การศึกษาแบบแบ่งส่วนช่องปากกลุ่มศึกษา 48 ซี่ใช้วัสดุเคลือบหลุมร่องฟันชนิดเรซินร่วมกบัการใช้สารยึดติดทางทันตกรรมชนิดเอทานอล (OptiBondTM Solo Plus)กลุ่มควบคุม48 ซี่ใช้การเคลือบหลุมร่องฟันโดยไม่ใช้สารยึดติดทางทันตกรรม ทำการติดตามผลการยึดติดทุกช่วง 6 เดือนโดยผู้ตรวจสอบ 2คนที่ไม่ทราบขอ้มูลของการทดลอง (Kappa =0.80) และวิเคราะห์ผลโดยสถิติ McNemarผลการติดตามการรักษาระยะเวลา 6 เดือน (ค่าเฉลี่ย 6 เดือน 30 วัน) พบว่าฟันที่ได้รับการเคลือบรอยผุ 46 คู่ (92 ซี่) ได้รับการประเมิน และพบว่ากลุ่มที่ได้รับการเคลือบรอยผุโดยการใช้สารยึดติดทางทันตกรรมร่วมด้วยมีการยึดติดที่ดีกว่า ร้อยละ93.48 เป็นการยึดติดอย่างสมบูรณ์และร้อยละ 6.52 เป็นการยึดติดแบบไม่สมบูรณ์กลุ่มที่ไม่ใช้สารยึดติดทางทันตกรรม ร้อยละ 34.79 เป็นการยึดติดอย่างสมบูรณ์และร้อยละ 65.21 เป็นการยึดติดแบบไม่สมบูรณ์โดยพบว่าการยึดติดของทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกันที่ ระดับนัยสำคัญ 0.00 ดังนั้นการใช้สารยึดติดทางทันตกรรมชนิดเอทานอล ดูเหมือนว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิการในการยึดติด อย่างไรก็ตามควรมีการติดตามผลการศึกษาในระยะยาว