Please use this identifier to cite or link to this item:
https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/993
Title: | การจัดการความรู้ของส่วนกำลังรบ สังกัดกองทัพอากาศ |
Other Titles: | Knowledge management of the combat group in the Royal Thai Air Force |
Authors: | สุกฤษฏิ์ อัญบุตร |
metadata.dc.contributor.advisor: | พิมพ์อุไร ลิมปพัทธ์ |
Keywords: | กองทัพอากาศ -- การจัดการความรู้;การจัดการความรู้ -- วิจัย |
Issue Date: | 2560 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยรังสิต |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับการจัดการความรู้ของส่วนกาลังรบ สังกัดกองทัพอากาศ 2) ความสัมพันธ์ของการจัดการความรู้ 7 ขั้นตอนของส่วนกาลังรบ สังกัดกองทัพอากาศ และ 3) ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อการจัดการความรู้ของส่วนกาลังรบ สังกัดกองทัพอากาศ กลุ่มตัวอย่าง เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร และนายทหารชั้นประทวน จานวน 519 คน โดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง 10 หน่วย จาก 14 หน่วย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามโดยทดสอบค่าความเที่ยงตรง IOC อยู่ที่ 0.96 ค่าความเชื่อมั่น (Cronbach’s Alpha Coefficient) อยู่ที่ 0.97 ซึ่งประกอบด้วย ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามปัจจัยส่วนบุคคล ตอนที่ 2 วิเคราะห์ระดับการจัดการความรู้ ตอนที่ 3 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของการจัดการความรู้ ตอนที่ 4 วิเคราะห์ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อการจัดการความรู้ ซึ่งเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนของตัวแปรเชิงพหุแบบสองทาง (Multivariate Analysis of Variance: 2-Way (MANOVA) ผลการวิจัยที่สาคัญ พบว่า 1) กระบวนการจัดการความรู้ของส่วนกาลังรบ สังกัดกองทัพอากาศ โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง โดยที่ ด้านการสร้างและแสวงหาความรู้มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด 2) จากการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรของกระบวนการจัดการความรู้ พบว่า มีระดับความสัมพันธ์กันในระดับสูงมาก จานวน 7 คู่ โดยคู่ที่มีระดับสูงมากที่สุดคือ การแบ่งปันความรู้ มีความสัมพันธ์กับการจัดการความรู้ให้เป็นระบบ และ 3) ปัจจัยส่วนบุคคลด้าน เพศ ระดับการศึกษาสูงสุด และประสบการณ์ในการทางาน มีผลต่อการจัดการความรู้ ดังนั้นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้ควรเร่งพัฒนากระบวนการจัดการความรู้และบุคคลากรให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ควรคานึงถึงปัจจัยส่วนบุคคลด้านเพศ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ในการทางานที่มีผลต่อการจัดการความรู้เพื่อนาไปพัฒนากระบวนการการจัดความรู้โดยรวม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย ผู้บัญชาการทหารอากาศ และเพื่อพัฒนาการจัดการความรู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกองทัพอากาศ รวมไปถึงในระดับประเทศเช่นกัน |
metadata.dc.description.other-abstract: | This study was to examine: 1) levels of knowledge management of the Combat Group in the Royal Thai Air Force; 2) relationship of knowledge management 7 parts of the Combat Group in the Royal Thai Air Force and 3) the influences of the demographic variables on knowledge management of the Combat Group in the Royal Thai Air Force. Questionnaires were employed to collect data from 519 personnel of the Combat Group in the Royal Thai Air Force in 10 out of 14 units. Those sampling obtained by drawing without replacement, which included. IOC tested was at 0.96 while Cronbach’s Alpha Coefficient was at 0.97. A 5-Likert Scale Questionnaire was composed of four parts: Part 1 - Demographic Variables, consisting of, Gender, Educational Levels, Rank, and Work Experiences; Part 2 - Analysis of knowledge management level. Part 3 – Analysis relationship of knowledge management. Part 4 – Analysis of personal factors affecting knowledge management. Statistics used in data analysis were Descriptive Statistics which was used to describe frequency, percentage, means, and standard deviation. Data obtained, then, were tested by using Multivariate analysis of Variance: 2-Way MANOVA. The findings revealed that there were statistically significant differences on gender, educational levels, and work experiences with highly significant on: 1) Knowledge Management of the Combat Group in The Royal Thai Air Force; 2) Knowledge Organization; and on 3) Sexual factors affect knowledge management. Learning creation and acquisition and Knowledge, while educational levels had an impact on knowledge management. Therefore, those involved in knowledge management should accelerate the development of knowledge management processes as to comply with the policy of the Royal Thai Air Force so that it will be beneficial not only for the agency but also the nation as a whole |
Description: | ดุษฎีนิพนธ์ (ศษ.ด. (การศึกษา)) -- มหาวิทยาลัยรังสิต, 2560 |
metadata.dc.description.degree-name: | ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต |
metadata.dc.description.degree-level: | ปริญญาเอก |
metadata.dc.contributor.degree-discipline: | การศึกษา |
URI: | https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/993 |
metadata.dc.type: | Thesis |
Appears in Collections: | EDU-ES-D-Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Sukrit Anyabutra.pdf | 1.31 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.