รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยเทคนิคการจัดการโลจิสติกส์ที่มีผลต่อประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย : กรณีศึกษาผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมย่านจังหวัดปทุมธานีและพระนครศรีอยุธยา

พัฒน์ พิสิษฐเกษม

Please use this identifier to cite or link to this item: https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/2331

Full metadata record

DC Field	Value	Language
dc.contributor.author	พัฒน์ พิสิษฐเกษม	-
dc.date.accessioned	2024-04-19T08:07:39Z	-
dc.date.available	2024-04-19T08:07:39Z	-
dc.date.issued	2554	-
dc.identifier.uri	https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/2331	-
dc.description.abstract	การศึกษาวิจัย เรื่อง เทคนิคการจัดการโลจิสติกส์ที่มีผลต่อประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของ ผู้ประกอบการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย : กรณีศึกษาผู้ประกอบการในนิคม อุตสาหกรรมย่านจังหวัดปทุมธานีและพระนครศรีอยุธยา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะของ บริษัทที่มีผลต่อประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ และเทคนิคการจัดการโลจิสติกส์ที่มีความสัมพันธ์ต่อประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการ วิจัยครั้งนี้ คือกลุ่มบริษัทผู้ประกอบการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในเขตจังหวัดปทุมธานี และจังหวัด พระนครศรีอยุธยา ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรม ไฮเทค และนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จํานวนทั้งสิ้น 138 บริษัท ทําการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ เชิงพรรณา และสถิติเชิงอนุมาน ประกอบด้วย ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า F-test และ Pearson Production Moment Correlation ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างมากที่สุด คือ มีทุนจดทะเบียนมาก กว่า 200 ล้านบาท ระยะเวลาการดําเนินงานมากกว่า 15 ปี ส่วนใหญ่เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น มี จํานวนพนักงาน 101-500 คน และประเภทผลิตภัณฑ์ที่ทําการผลิต คือ OEM (Original Equipment Manufacturing) สําหรับการดําเนินการเกี่ยวกับเทคนิคการจัดการโลจิสติกส์ในด้านต่าง ๆ พบว่า เทคนิคที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสําคัญในระดับ “มาก” คือ การวางแผน ความต้องการวัสดุ (Material Requirement Planning : MRP) ส่วนประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ในด้านต้นทุน ด้านเวลา และด้านความน่าเชื่อถือ พบว่า ในภาพรวม ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับความเห็นด้วย “มาก” โดย ประสิทธิภาพรายย่อย 3 อันดับแรกสูงสุด คือ ผลิตสินค้าได้ตามมาตรฐาน และตามปริมาณที่ลูกค้าต้องการ ยกระดับคุณภาพการให้บริการกับลูกค้าได้อย่างเหมาะสม และ ประหยัดต้นทุนในสั่งซื้อและกระบวน ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ลักษณะของบริษัทด้านทุนจดทะเบียนที่แตกต่างกันจะมีผล ต่อประสิทธิภาพทางด้านโลจิสติกส์ทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านต้นทุน ด้านเวลา และด้านความน่าเชื่อถือ ไม่ แตกต่างกัน ยกเว้น ด้านระยะเวลาการดําเนินงาน ด้านสัญชาติของบริษัท ด้านจํานวนพนักงาน และ ประเภทผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน มีผลต่อประสิทธิภาพด้านต้นทุน ด้านเวลา และด้านความน่าเชื่อถือ ที่แตกต่างกัน สําหรับการหาความสัมพันธ์ พบว่า เทคนิคการจัดการโลจิสติกส์มีความสัมพันธ์กับ ประสิทธิภาพโลจิสติกส์ด้านต้นทุน ด้านเวลา และด้านความน่าเชื่อถือ ในภาพรวม มีระดับ ความสัมพันธ์ค่อนข้างสูง	en_US
dc.description.sponsorship	สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยรังสิต	en_US
dc.language.iso	other	en_US
dc.publisher	สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยรังสิต	en_US
dc.subject	การบริหารงานโลจิสติกส์ -- วิจัย	en_US
dc.subject	อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -- วิจัย	en_US
dc.subject	ผู้ประกอบการ -- วิจัย	en_US
dc.title	รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยเทคนิคการจัดการโลจิสติกส์ที่มีผลต่อประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย : กรณีศึกษาผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมย่านจังหวัดปทุมธานีและพระนครศรีอยุธยา	en_US
dc.title.alternative	Techniques of logistics management affecting the logistics efficiency ot the electronics parts industry in Thailand : a case of manufacturers in the industrial promotion zone, the area of Prathumtani and Ayutthaya province	en_US
dc.type	Other	en_US
dc.description.other-abstract	The objectives of this study were to investigate the nature of company effect relative to logistics efficiency and logistics techniques relative to logistics efficiency in the case of the electronics parts industry. The study was a survey research that used questionnaires to collect data from 138 manufacturers of Navanakorn Industrial Promotion Zone, Rojana Industrial Park, Hitech Industrial Estate and Bangpain Industry in the area of Prathumtani and Ayatthaya. The descriptive statistics are these: frequency, percentage, mean and standard deviation, and the inferential statistics are these: particularly the F-test and the Pearson Production Moment Correlation which were applied to analyze the data. From the study, the manufacturers which responded to the questionnaire shared the following characteristics: They have registered capital of over 200 million baht, with over 15 years of experience, with Japanese company, with 101-500 employees and with the products of OEM (Original Equipment Manufacturing). From the study, it was evident that techniques of logistics management showed that MRP (Material Requirement Planning) affected most of the important and the samples were rated "high level." For the logistics efficiency of cost, time, and reliability it was found that the level of opinion was "high" and the following 3 sub-items in efficiency were identified at the highest level: Standard of production with customer requirement, high quality services, and savings in terms of ordering and processing costs. From the hypothesis testing, the inferential statistics showed that the difference in company characteristics with registered capital has no significance in logistics efficiency in terms of cost, time and reliability -- except business experience, shareholder nationality, and number of employees have statistical significance in terms of cost, time and reliability. The result of correlation testing showed that techniques of logistics management have a high relationship in the case of the logistics efficiency in terms of cost, time, and reliability	en_US
Appears in Collections:	BA-Research

Files in This Item:

File	Description	Size	Format
PHAT PISITKASEM.pdf		8.98 MB	Adobe PDF	View/Open

Show simple item record