Please use this identifier to cite or link to this item: https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/880
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorวินัย อวยพรประเสริฐ-
dc.contributor.authorกิจเกษม คล้ายกรุต-
dc.date.accessioned2022-03-04T05:38:54Z-
dc.date.available2022-03-04T05:38:54Z-
dc.date.issued2561-
dc.identifier.urihttps://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/880-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (วศ.ม. (วิศวกรมโยธา)) -- มหาวิทยาลัยรังสิต, 2561en_US
dc.description.abstractการวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอการทำนายกำลังอัดของคอนกรีต โดยใช้แบบจำลองพหุนามอันดับที่สอง สำหรับตัวแปรพหุคูณ ด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ถดถอยไม่เชิงเส้นคอนกรีตถูกหล่อด้วยปูนซีเมนต์ ประเภทที่ 1 โดยมีอัตราส่วนน้ำ ต่อซีเมนต์ ระหว่าง 0.3-0.7 โมดูลัสความละเอียดของหินผสม ระหว่าง 6.0-7.2 และโมดูลัสความละเอียดของทรายผสม ระหว่าง 1.6-3.2 ตัวอย่างคอนกรีตรูปลูกบาศก์ ขนาด 15×15×15 ซม. ถูกทดสอบที่อายุ 1-28 วัน แบบจำลองขึ้นกับตัวแปร 4 ตัว ได้แก่ อัตราส่วนน้า ต่อซีเมนต์ โมดูลัสความละเอียดของหินผสม โมดูลัสความละเอียดของทรายผสม และอายุการทดสอบ แบบจำลองนี้สามารถทำนายกำลังอัดของคอนกรีต โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานเพียง 4.151% โดยมีสัมประสิทธิ์การตัดสินใจ และสัมประสิทธิ์การตัดสินใจปรับปรุง เท่ากับ 0.974 และ 0.972 ตามลำดับ ในขณะที่แบบจำลอง 3 ตัวแปร ซึ่งกำหนดให้เวลาคงที่ โดยมีสัมประสิทธิ์การตัดสินใจ และสัมประสิทธิ์การตัดสินใจปรับปรุง เท่ากับ 0.968 และ0.962 ตามลำดับ มีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานเพียง 5.618% ผลการทวนสอบแบบจำลองกับข้อมูลจากโรงงานผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปแห่งหนึ่ง ให้ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานเพียง 2.193%เท่านั้น ในขณะที่ การทดสอบความสมเหตุสมผลเทียบกับแบบจำลองทางคณิตศาสตร์อื่นๆ พบว่าการทำนายกำลังอัดของคอนกรีตด้วยฟังก์ชันกำลังสองแบบพหุคูณ ให้ค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบจากแบบจาลองอื่นๆ ในขณะที่ ค่าประมาณของความคลาดเคลื่อนมาตรฐานค่าคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เฉลี่ย และค่าเฉลี่ยของค่าสัมบูรณ์ของเปอร์เซ็นต์ของความคลาดเคลื่อน มีค่าต่่ำสุด เมื่อเทียบกับผลจากแบบจำลองอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่เสนอ จึงสามารถใช้ทำนายกำลังอัดของคอนกรีตได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำen_US
dc.language.isootheren_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยรังสิตen_US
dc.subjectคอนกรีต -- การวิเคราะห์ -- วิจัยen_US
dc.subjectกำลังวัสดุ -- วิจัยen_US
dc.subjectคอนกรีต -- วิจัยen_US
dc.titleการทำนายกำลังอัดของคอนกรีตด้วยฟังก์ชันกำลังสองแบบพหุคูณen_US
dc.title.alternativePrediction of compressive strength of concrete with n-d quadratic functionsen_US
dc.typeThesisen_US
dc.description.other-abstractThe purpose of this research was to predict the compressive strength of concrete by n-D quadratic functions based on nonlinear regression analyses for multiple variables. Concrete was cast by Portland cement type 1 with water to cement ratio (W/C) in the range of 0.3-0.7, fineness modulus (F.M.) of mixed rock in the range of 6.0-7.2 and fineness modulus (F.M.) of mixed sand in the range of 1.6-3.2. Concrete cubes of the size of 15×15×15 cm were tested at ages of 1-28 days. The models for 4 variables, i.e. W/C, F.M. of mixed rock, F.M. of mixed sand and age of concrete, could be predicted for the compressive strength of concrete with standard errors within 4.151% with the coefficient of determination (R2) = 0.974 and the adjusted coefficient of determination (R2adjusted) = 0.972. Whereas The models for 3 variables, i.e. W/C, F.M. of mixed stone, F.M. of mixed sand, could be predicted for the compressive strength of concrete with standard errors within 5.618% with R2 = 0.968 and R2adjusted = 0.962. The verification with tested data from a precast concrete factory showed standard errors within 2.193% only. For the validation with tested data from other mathematical models, it was found that the predictions of compressive strength of concrete with N-D quadratic functions giving the highest coefficient of determination when comparing with those corresponding values from other models. Whereas the values of the root mean square error (RMSE), mean absolute error (MAE) and the mean absolute percentage error (MAPE) were the lowest when comparing with those corresponding values from other models. Therefore, the proposed mathematical model could be used to predict the compressive strength of concrete efficiently and accurately.en_US
dc.description.degree-nameวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิตen_US
dc.description.degree-levelปริญญาโทen_US
dc.contributor.degree-disciplineวิศวกรรมโยธาen_US
Appears in Collections:BiT-Bio-M-Thesis

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Kitkasem Khaikrut.pdf9.42 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.