Please use this identifier to cite or link to this item:
https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/2789| Title: | การบริหารวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ในเขตปริมณฑล |
| Other Titles: | Management of community enterprises for the development of creative agro-tourism in the metropolitan area |
| Authors: | พิจักษณ์ จันทวิโรจน์ |
| metadata.dc.contributor.advisor: | ปธาน สุวรรณมงคล |
| Keywords: | การพัฒนาการท่องเที่ยว;วิสาหกิจชุมชน -- การจัดการ;การท่องเที่ยวเชิงเกษตร |
| Issue Date: | 2567 |
| Publisher: | มหาวิทยาลัยรังสิต |
| Abstract: | ดุษฎีนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะการบริหารวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ 2) ศึกษาปัจจัยความสำเร็จของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ 3) ศึกษารูปแบบการบริหารวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ และ 4) เสนอแนวทางการบริหารวิสาหกิจชุมชนเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ โดยใช้รูปแบบการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ ตามแนวคิด 7s McKinsey เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล เพื่อตอบวัตถุประสงค์การวิจัย ผลการศึกษาพบว่า ลักษณะสำคัญของการบริหารวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับแนวคิด 7s McKinsey คือ ด้านทักษะ ด้านกลยุทธ์ ด้านระบบ และด้านบุคลากร ส่วนปัจจัยความสำเร็จของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ คือ การจัดรูปแบบ กลยุทธ์ ทักษะ โครงสร้าง ระบบ รวมทั้งค่านิยม ซึ่งมีความสำคัญต่อกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ในขณะที่รูปแบบการบริหารวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ที่สำคัญ คือ ด้านการวางแผน ด้านการจัดองค์กร ด้านการจัดการบุคลากร ด้านอำนวยการ และด้านประสานงาน โดยแนวทางการบริหารวิสาหกิจชุมชนเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ สามารถใช้แนวทางในการพัฒนาโดยการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Internet of Things เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวให้มีความทันสมัย ด้วยการมีช่องทางในการติดตามที่หลากหลายมากขึ้น ใช้แนวทางความหลากหลายของบุคลากร ซึ่งมีความแตกต่างของทักษะ ความสามารถ ตลอดจนความคิดเห็นในหลายแง่มุมที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานโดยนำข้อได้เปรียบของแต่ละอายุมาใช้ในการทำงานให้เกิดประโยชน์ เช่น ใช้ความสามารถทางเทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่ ใช้แนวทางการจัดการความรู้ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เยาวชนเป็นการส่งต่อองค์ความรู้ของกลุ่ม ให้คงอยู่ต่อไป ตลอดจนใช้แนวทางการสร้างเครือข่าย โดยประสานความร่วมมือจากหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มศักยภาพวิสาหกิจชุมชน |
| metadata.dc.description.other-abstract: | The objectives of this thesis are 1) to study the nature of community enterprise management for creative agrotourism development, 2) to study the success factors of community enterprises in creative agrotourism, 3) to study the community enterprise management model for development, and 4) to propose a community enterprise management approach for developing creative agritourism. The study will utilize the research model and concept of 7s McKinsey as a guideline for analysis and data synthesis to answer research objectives. The results of the study revealed that the key characteristics of community enterprise management for the development of creative agritourism consistent with the McKinsey 7s concept consist of skills, strategy, systems, and personnel. In addition, it was found that the success factors of community enterprise groups in creative agritourism comprise the organization of formats, strategies, skills, structures, systems, and values. The key forms of community enterprise management for the development of creative agritourism include planning, organizational aspect, personnel management, administration, and coordination. These are all consistent with the management according to the 7s McKinsey concept. The development guidelines can be used by taking advantage of innovations in digital technology or the Internet of Things to promote modern tourist attractions or by having more diverse tracking channels. The development guidelines may also include the approach of personnel diversity (Workforce Diversity), which has differences in skills and abilities, as well as opinions on various aspects that are beneficial for working by bringing the advantages of each age group to work, such as using the technological abilities of the new generation. Additionally, it may use the Knowledge Management (KM) approach to transfer knowledge to youth in order to pass on the knowledge of the group to continue or use the network building approach (NETWORKING) by coordinating with partner agencies involved in tourism to enhance the potential of community enterprises. |
| Description: | ดุษฎีนิพนธ์ (ปร.ด. (รัฐประศาสนศาสตร์ )) -- มหาวิทยาลัยรังสิต, 2566 |
| metadata.dc.description.degree-name: | ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต |
| metadata.dc.description.degree-level: | ปริญญาเอก |
| metadata.dc.contributor.degree-discipline: | รัฐประศาสนศาสตร์ |
| URI: | https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/2789 |
| metadata.dc.type: | Thesis |
| Appears in Collections: | PAI-PA-D-Thesis |
Files in This Item:
| File | Description | Size | Format | |
|---|---|---|---|---|
| PIJAK CHANTAVIROJ.pdf | 1.9 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.