Please use this identifier to cite or link to this item:
https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/2888| Title: | การพัฒนาความสามารถในการเล่นลูกสองมือล่างในรายวิชาวอลเลย์บอลสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู้ใช้แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่าง |
| Other Titles: | The ability development of underhand skill in volleyball subject for grade 10 students by using the underhand skill training exercise in learning management |
| Authors: | วีรเทพ ชัยชนะ |
| metadata.dc.contributor.advisor: | กาญจนา จันทรประเสริฐ |
| Keywords: | วอลเลย์บอล -- การศึกษาและการสอน -- วิจัย;วอลเลย์บอล -- การฝึก;วอลเลย์บอล -- การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา) |
| Issue Date: | 2566 |
| Publisher: | มหาวิทยาลัยรังสิต. สำนักหอสมุด |
| Abstract: | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบจำนวนครั้งต่อการเล่นลูกสองมือล่าง ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่างตามเพศ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยแบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่าง กลุ่มตัวอย่างจำนวน 40 คน เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 จำนวน 1 ห้องเรียน เป็นกลุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม เครื่องที่ใช้ในการวิจัย มีดังนี้ (1) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้แบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่างเป็นสื่อการเรียนรู้ (2) แบบวัดความสามารถในการเล่นลูกสองมือล่างสาหรับนักเรียนชายของครองวิสท์ และบรุมบาช มีค่าความเที่ยงตรงเท่ากับ .767 และความเชื่อมั่นเท่ากับ .817 และสำหรับนักเรียนหญิงของรัสเซลล์และแลง มีค่าความเที่ยงตรง .80 และค่าความเชื่อมั่นอยู่ระหว่าง .870 ถึง .915 และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อแบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่างที่มีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อระหว่าง 0.67-1.00 ผลการวิจัยพบว่า 1) ความสามารถการเล่นลูกสองมือล่างของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนด้วยแบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่างสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ค่าเฉลี่ยจำนวนครั้งการเล่นลูกสองมือล่างนักเรียนชายก่อนเรียนและ หลังเรียนเท่ากับ 5.72 และ 27.20 ตามลำดับ นักเรียนหญิงก่อนเรียนและหลังเรียนเท่ากับ 3.47และ16.80 ตามลำดับ และ 2) ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจโดยภาพรวม ของกลุ่มตัวอย่างต่อแบบฝึกการเล่นลูกสองมือล่างเท่ากับ 4.31 อยู่ในระดับพึงพอใจมาก |
| metadata.dc.description.other-abstract: | This research aimed to: 1) compare the number of forearm passes before and after using a forearm passing skill practice based on gender differences and 2) explore students’ satisfaction towards the practice. The samples obtained through cluster sampling were a class of 40 studentsstudying in secondary level 4. The instruments included 1) a lesson plan incorporating a forearm passing skill practice as a learning material, 2) a test of forearm passing skills for male students by Krongvist, Roger A. and Wayne B. Brumbach with a reliability of 0.767 and a confidence of 0.817 and a test of forearm passing skills for female students by Russell, Naomi, and Elizabeth Lange with a reliability of 0.870 and a confidence of 0.915, and 3) a questionnaire for the survey of students’ satisfaction towards the forearm passing skill practice with an IOC score ranging between 0.67-1.00. The results revealed that 1) after the treatment, the students could improve their forearm passing skill with a significance level of .01. The average numbers of forearm passes of the male students before and after the treatment were 5.72 and 27.20, respectively, and those of the female students were 3.47 and 16.80, respectively. 2) The students’ satisfaction towards forearm passing was high (x = 4.31) |
| Description: | วิทยานิพนธ์ (ศษ.ม. (หลักสูตรและการสอน)) -- มหาวิทยาลัยรังสิต, 2566 |
| metadata.dc.description.degree-name: | ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต |
| metadata.dc.description.degree-level: | ปริญญาโท |
| metadata.dc.contributor.degree-discipline: | หลักสูตรและการสอน |
| URI: | https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/2888 |
| metadata.dc.type: | Thesis |
| Appears in Collections: | EDU-CI-M-Theses |
Files in This Item:
| File | Description | Size | Format | |
|---|---|---|---|---|
| WERATHEP CHAICHANA.pdf | 1.46 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.