Please use this identifier to cite or link to this item:
https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/413
Title: | การสกัดนํ้ามันรำข้าวพันธุ์หอมกระดังงาโดยวิธีบีบเย็นและการพัฒนาตำรับครีมบำรุงผิวแบบอิมัลชันชนิดนํ้ามันในนํ้า |
Other Titles: | Mechanical extraction of hawm gra dang ngah rice bran oil and development of emulsion skin cream in oil-in-water |
Authors: | ฮาลาห์ บิลสุลต่าน |
metadata.dc.contributor.advisor: | ประสาน ตั้งยืนยงวัฒนา |
Keywords: | นํ้ามันรำข้าว -- วิจัย;นํ้ามันรำข้าว -- การสกัด;ครีมบำรุงผิว -- การผลิต -- วิจัย |
Issue Date: | 2562 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยรังสิต |
Abstract: | น้ำมันรำข้าวพันธ์หอมกระดังงามีคุณค่าทางโภชนาการ มีกลิ่นหอมคล้ายดอกกระดังงา และมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง การวิจัยนี้ดำเนินงานร่วมกับโรงงานสกัดน้ำมันรำข้าวขนาดเล็ก โดยวิธีการบีบเย็นขนาดเล็กในจังหวัดพัทลุง ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษากระบวนสกัดน้ำมันรำข้าวด้วยวิธีบีบเย็นสมบัติทางเคมี และกายภาพของน้ำมันรำข้าวพันธุ์หอมกระดังงา เพื่อพัฒนาวิธีการสกัดน้ำมันรำข้าวและยกระดับคุณภาพน้ำมันรำข้าวพันธุ์หอมกระดังงา โดยการทำให้น้ำมันรำข้าวมีความคงตัวด้วยการให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาทีและลดระยะเวลาในการกรองน้ำมันโดยการใช้เครื่องกรองสุญญากาศ จากการศึกษาพบว่า วิธีการสกัดน้ำมันรำข้าวดังกล่าวสามารถช่วยลดกรดไขมันอิสระและเปอร์ออกไซด์ในน้ำมันรำข้าวพันธุ์หอมกระดังงาสกัดเย็นได้นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันที่สกัดได้และเพิ่มสารต้านออกซิเดชันด้วย นำน้ำมันรำข้าวสกัดเย็นที่ได้มาตั้งตำรับครีมบำรุงผิวโดยเตรียมครีมสูตรพื้นทั้งหมด 5 สูตร แล้วพัฒนาครีมสูตรพื้นในแต่ละสูตรให้มีคุณสมบัติทางกายภาพทางเคมี และความคงตัวที่ดี โดยใช้วิธีการประเมินความคงตัวของครีมด้วยวิธี Freeze and Thaw Cycle ทั้งมด 6 Cycles เลือกสูตรที่ดีที่สุดเพื่อนำมาใช้ในการเตรียมครีมบำรุงผิวแบบอิมัลชันชนิดน้ำมันในน้ำ โดยใช้น้ำมันรำข้าวพันธุ์หอมกระดังงาเป็ นส่วนผสมสำคัญ และนำมาประเมินความคงตัวอีกครั้งพร้อมทั้งประเมินความรู้สึกในการใช้ครีม จากนั้นจึงนำมาทดสอบในอาสาสมัครที่มีอายุระหว่าง 50-55 ปี จำนวน 15 คน พบว่า ครีมบำรุงผิวน้ำมันรำข้าวพันธ์หอมกระดังงามีความพึงพอใจอยู่ในระดับดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ ดูดซึมเร็ว ควรพัฒนาโดยเพิ่มสารแต่งกลิ่นให้หอม เพื่อให้เกิดความน่าใช้มากขึ้น |
metadata.dc.description.other-abstract: | Hawm Gra Dang Ngah rice bran oil has specific superfine properties. It has high nutrition and good scent as Cananga flower. It has the appropriate for using in the food, pharmaceutical and cosmetics industry. This research is co-operated with the small cold pressed rice bran oil extraction plant in Phatthalung province. The main purpose is to study the chemical and physical properties of rice bran oil cold pressed extraction. The Hawm Gra Dang Ngah rice bran oil extraction method was improved in order to enhance the quality of oil by heating oil at 150 Celsius for 10 minutes and reduced oil filtration time by using a vacuum filter. According to the study, it was found that the rice bran oil extraction method could reduce free fatty acids and peroxide in Hawm Gra Dang Ngah rice bran oil. In addition, it also increased the amount of extracted oil and antioxidants. The development process of skin care cream recipe was prepared by using 5 base formula. The physical and chemical properties of each formula was studied. The stability of each formula was evaluated using freeze and thaw cycle stabilized evaluating method and repeated for 6 cycles. The best base cream was developed by mixing with rice oil to the base cream using oil in water emulsion method and the feeling assessment was performed by 15 volunteers. The results showed that this skin care cream was easy to absorb and unstricky. The cream should be improved the scent by adding some perfume. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (วท.ม (การแพทย์แผนตะวันออก)) -- มหาวิทยาลัยรังสิต, 2562 |
metadata.dc.description.degree-name: | วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต |
metadata.dc.description.degree-level: | ปริญญาโท |
metadata.dc.contributor.degree-discipline: | การแพทย์แผนตะวันออก |
URI: | https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/413 |
metadata.dc.type: | Thesis |
Appears in Collections: | Ort-OM-M-Thesis |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Hala Bilsultan.pdf | 1.3 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.