Please use this identifier to cite or link to this item: https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/2278
Title: การพัฒนาชุดการเรียนการสอนรายวิชา TRM 225 งานมัคคุเทศก์
Other Titles: Development of the instructional module of TRM 225 : tour guiding
Authors: นพปฎล ธาระวานิช
Keywords: สื่อการสอน -- การพัฒนา-- วิจัย;สื่ออิเล็กทรอนิกส์ -- การพัฒนา -- วิจัย;สื่ออิเล็กทรอนิกส์
Issue Date: 2552
Publisher: ศูนย์สนับสนุนและพัฒนาการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยรังสิต
Abstract: การวิจัยในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างสื่อการสอนหรือนวัตกรรม เพื่อพัฒนาบทเรียนวิชางานมัคคุเทศก์ ให้เนื้อหามีความสอดคล้องกันตั้งแต่การสอนในครั้งแรกจนถึงจบรายวิชาในภาคการศึกษา เพื่อพัฒนาการเรียนในห้องเรียนและการฝึกการปฏิบัติในรายวิชาให้มีความเหมาะสม เพื่อที่นักศึกษาจะได้รับความรู้และประสบการณ์ในการศึกษาเพื่อสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานจริง นอกจากนี้ยังทำการศึกษาเปรียบเทียบความรู้ ความเข้าใจของนักศึกษาที่มีต่อบทเรียนก่อนและหลังการเรียนการสอน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือนักศึกษาชั้นปีที่ 2 และ 3 คณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชา งานมัคคุเทศก์ จำนวน 110 คน รวมทั้งนักศึกษาที่ศึกษารายวิชานี้ในมหาวิทยาลัยภาครัฐและเอกชน จำนวน 165 คน โดยแบ่งออกเป็นนักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี จำนวน 70 คน, นิสิตคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จำนวน 30 คน, นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี จำนวน 25 คน และนักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม จำนวน 40 คน โดยให้ทำแบบสอบถามความรู้ ความเข้าใจก่อนการเรียนเพื่อเปรียบเทียบกับแบบสอบถามความรู้ ความเข้าใจหลังการเรียน การสอน และให้ทำแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อบทเรียนวิชางานมัคคุเทศก์ จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบค่าทีด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for Window ผลการวิจัยพบว่า 1. เปรียบเทียบผลความรู้ ความเข้าใจทางการเรียนก่อน และหลังการเรียน การสอน ของนักศึกษาคณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยรังสิต จำนวน 110 คน, นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี จำนวน 70 คน, นิสิตคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จำนวน 30 คน, นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี จำนวน 25 คน และนักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม จำนวน 40 คน ปรากฏผลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2. ระดับความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อบทเรียนวิชางานมัคคุเทศก์ คณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยรังสิตจำนวน 110 คน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.18 แสดงว่า นักศึกษามีความพึงพอใจในการเรียน การสอนในระดับพึงพอใจมาก, นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี จำนวน 70 คน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.96 แสดงว่านักศึกษามีความพึงพอใจต่อในการเรียน การสอนในระดับพึงพอใจปานกลาง, นิสิตคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จำนวน 30 คน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.15 แสดงว่า นักศึกษามีความพึงพอใจต่อในการเรียน การสอนในระดับพึงพอใจมาก, นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี จำนวน 25 คน มีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.76 แสดงว่า นักศึกษามีความพึงพอใจต่อในการเรียน การสอนในระดับพึงพอใจปานกลาง, นักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมจำนวน 40 คน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.07 แสดงว่า นักศึกษามีความพึงพอใจต่อในการเรียน การสอนในระดับพึงพอใจมาก 3. จากการวิจัยครั้งนี้ ได้ผลสรุปว่า เนื้อหารายวิชางานมัคคุเทศก์ ของคณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการในปัจจุบันมีความสมบูรณ์และมีมาตรฐานที่ดีพอสมควร แต่ควรมีการเพิ่มเติมแบบฝึกหัดท้ายบทในแต่ละบทเพื่อเป็นการประเมินความรู้ที่นักศึกษาได้รับ และเตรียมความพร้อมในการสอบจริง สำหรับระยะเวลาในการเรียนนั้นมีความเหมาะสมดีแล้ว แต่ควรมีการปรับความยืดหยุ่นในการเรียนการสอนในกรณีที่นักศึกษายังไม่เข้าใจเนื้อหาในบางหัวข้อ และควรมีการปรับปรุงเนื้อหาการเรียนการสอนในรายวิชาให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้นโดยการเพิ่มกรณีศึกษาเพื่อให้นักศึกษามีความเข้าในในบทเรียนมากยิ่งขึ้น มีการฝึกปฏิบัติงานจริงเพื่อให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์จากการทำงานจริง และควรมีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในห้องเรียนให้มีความสะอาดเรียบร้อยและมีอุปกรณ์การสอนที่มีประสิทธิภาพ และอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
metadata.dc.description.other-abstract: The purpose of this study is to create innovative teaching program and develop the consistency of the course content from the first up to the last chapter of the course. It also aims instructional activities to correspond to the syllabus of the course So that students can apply knowledge and experiences they have acquired to real situation successfully. In addition, the study also focuses on the comparison of student’s knowledge and understanding towards the syllabus prior to and after the teaching. The subjects consisted of the 110 second and the third year students of Faculty of Tourism and Hospitality Industry who registered in the course: Tour Guiding at Rangsit University and 165 students of both public and private universities. Based on pre-test post-test design, the instrument used in this study was the comprehension test and attitude questionnaire. The data were analyzed by mean, standard deviation, one sample t-test and paired t-test through SPSS Statistical Packages for Window. The results of this study showed that: 1.The comparison before and after studying and teaching of the course, suggested that 110 Students of Faculty of Tourism and Hospitality Industry, Rangsit University. 70 Students of Faculty of Management Science, Silpakorn University Information Technology Petchaburi Campus, 30 Students of Faculty of Social science, Srinakarinwirot University Prasarnmit, 25 Students of Faculty of Management Science, Rachabhat Kanchanaburi University, and 40 Students of Faculty of Social Science, Sripatum University. Had higher achievement scores at statistically significant level of 0.05. 2.The 100 Rangsit students, 30 Srinakarinwirot students, and 40 Sripatum students were very satisfied with the instruction of the course, with the mean scores of 4.18, 4.15 and 4.07 respectively. The 70 Silpakorn students and 25 Rachabhat Kanchanaburi students were moderately satisfied, with the mean scores of 3.96 and 3.76 respectively. 3.This research can be concluded that content of the Tour Guiding course of the Faculty of Tourism and Hospitality, Rangsit University is complete and up to the standard. It is recommended that exercises (or quizzes) at the end of each chapters should be added in order to evaluate students’ knowledge and to prepare them to be ready for the examinations. In addition, it is suggested that some course content should be more flexible in teaching and learning to help students to gain more understanding. Moreover, it is suitable to develop the course content to be more innovative by adding more case studies for students to practice. Last but not least, it is suggested that the overall classroom environment should be improved to make it clean, tidy, and equipped with effective instructional equipment.
URI: https://rsuir-library.rsu.ac.th/handle/123456789/2278
metadata.dc.type: Other
Appears in Collections:CTH-Research

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
NOPPADOL DHARAWANIJ.pdf553.07 kBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.